จันทรคราสชาดก จิตรกรรมฝาผนัง แห่ง วัดหนองบัว ท่าวังผา น่าน

ผมได้มีโอกาสมาวัดหนองบัวครั้งแรก ประมาณปี 53 ครั้งแรกที่ได้ชมจิตรกรรมฝาผนัง ที่วัดหนองบัว ก็เข้าใจว่า เป็นชาดก พุทธประวัติ ตามแบบวัดทั่วไป โชคดีเจอผู้รู้มาบอกว่า ภาพส่วนใหญ่เป็นเรื่อง จันทรคราส ชาดก บางส่วนเป็นพุทธประวัติ ได้อธิบายเรื่องราวภาพต่างๆ ที่ผนังอุโบสถ ไว้พอสังเขป ผมได้ถ่ายภาพไว้ แล้วหาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต ก่อนสิ้นปี 2555 ได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้ง ได้พบกับนักท่องเทียว มาถ่ายภาพ ส่วนใหญ่ก็เดาว่าเป็นพุทธประวัติ เหมือนผมที่มาในครั้งแรก เมื่อไปถาม ลุงคนเฝ้าก็บอกว่าเป็น จันทรคราสชาดก เรื่องราวเก่าแก่ แต่ไม่ได้อธิบายอะไร เพิ่มเติม ทำให้ความเข้าใจไม่กระจ่าง ดังนั้นผม จึงคิดรวมเรื่องราวและอธิบายภาพที่อุโบสถ เผื่อใครที่เดินทางไปที่วัด ได้มีข้อมูลประกอบการถ่ายภาพ และชมภาพได้อย่างเข้าใจดียิ่งขึ้น หากข้อมูลส่วนใดผิดก็แจ้งให้ทราบด้วย เพื่อให้แก้ไขได้ถูกต้องยิ่งขึ้น

สำหรับ ประวัติของวัดและผู้วาดสามารถหาได้ทั่วไปตามเวปต่างๆ อยู่

ณ เมืองจำปา ซึ่งมีพญาปันธุเป็นเจ้าเมือง มีครอบครัวของสามีภรรยาคู่หนึ่งอาชีพทำไร่ทำสวน ฐานะยากจนมาก ต่อมาภรรยาได้ตั้งท้องและคลอดบุตรชายคนแรกเป็นผู้ชายได้เกิดสุริยุปราคาขึ้น บิดาจึงตั้งชื่อให้ว่า“สุริยคราส” บิดามารดาได้เลี้ยงดูบุตรชายด้วยความรักใคร่เอาใจใส่ จนบุตรชายคนแรกมีอายุได้ ๒ ปี มารดาจึงตั้งท้องบุตรคนที่ ๒ และคลอดออกมา เป็นผู้ชาย วันที่นางคลอดเกิดจันทรุปราคา จึงตั้งชื่อว่า “จันทรคราส” เด็กทั้งสองได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากบิดามารดา จนเติบใหญ่ และเป็นเด็กที่มีความแข็งแกร่ง

วันหนึ่งสองพี่น้องไปเก็บปูที่ทุ่งนามา ๔ ตัว แล้วนำมาเผากิน สุริยคราสได้แบ่งไว้ให้พ่อกับแม่ ๒ ตัว ตัวเองกับน้อง กินคนละตัว แต่จันทรคราสกินไม่อิ่มอ้อนวอนขอพี่อีกจนหมด พ่อกับแม่กลับมาเห็นกระดองปูเรี่ยราดจึงถามลูก ๆ พอรู้เรื่อง ด้วยความหิวพ่อจึงใช้ไม้ตีจันทรคราส แต่สุริยคราสสงสารน้องจึงพาน้องหนีออกจากบ้าน และพลัดหลงอยู่ในป่า

สองพี่น้องอยู่ในป่าหลายวัน ได้เห็นงูกับพังพอนสู้กัน เมื่องูตายพังพอนก็ไปคาบเปลือกไม้ชนิดหนึ่ง โดยเคี้ยวก่อนจะใส่ในปากงูทำให้งูฟื้นขึ้นมาแล้วสู้กันต่อ ครั้นพังพอนตายงูก็เคี้ยวเปลือกไม้ใส่ปากพังพอนบ้าง พอพังพอนฟื้นสัตว์ทั้งสองก็หายเข้าไปในป่า สองพี่น้องจึงเก็บเปลือกไม้ไว้และพากันเดินทางต่อไป

เด็กทั้งสองเดินทางมาพบพระฤๅษีกำลังนั่งวิปัสสนาอยู่ใต้ต้นไม้ ขณะนั้นมีอีกาตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้และถ่ายอุจจาระตรงหัวพระฤๅษี พระฤๅษีจึงสาปให้อีกาตาย เด็กทั้งสองอยากทดลองเปลือกไม้นั้น สุริยคราสจึงเคี้ยวเปลือกไม้ใส่ปากอีกา อีกาฟื้นขึ้นมาและสำนึกในบุญคุณของเด็กทั้งสอง จึงอาสาหาอาหารและผลไม้ให้กินทุกวัน

เมื่ออาหารและผลไม้หมดป่า อีกาจึงนำเด็กทั้งสองไปทิ้งไว้เมืองยักษ์ เพื่อให้เป็นอาหารของยักษ์ต่อไป ส่วนอีกาขโมยเนื้อจากเมืองยักษ์ไป ยักษ์จึงจับอีกากินเป็นอาหาร

สองพี่น้องถูกหัวหน้ายักษ์จับตัวไปขังไว้ เพื่อเป็นอาหารในการจัดงานศพเมียของตน โดยขังไว้กับศพเมียยักษ์ เด็กทั้งสองจึงช่วยเหลือด้วยการเคี้ยวเปลือกไม้ใส่ปากเมียของยักษ์ เมื่อเมียยักษ์ฟื้นขึ้นมา ยักษ์จึงเลิกจัดงาน ทำให้ยักษ์ตนอื่น ๆ ไม่พอใจ จึงเกิดแย่งชิงเด็กทั้งสอง เมียของยักษ์จึงพาสองพี่น้องหลบหนีไปที่เมืองกาสี

ณ เมืองกาสี (กาสิกนคร) พญาสุคะโตผู้ครองนคร มีธิดาชื่อสุจาติงสา (สุทธชาติดึงสา) ได้สิ้นพระชนม์เพราะถูกงูพิษกัด พญาสุคะโตจึงประกาศว่าถ้าใคร สามารถช่วยชีวิตพระธิดาได้ จะให้รางวัล ส่วนสุริยคราสและจันทรคราสเมื่อถึงเมืองกาสี มีเศรษฐีได้รับเลี้ยงไว้ ครั้นทราบข่าว สุริยคราสอาสาไปช่วยชีวิตด้วยเปลือกไม้ พญาสุคะโตจึงยกพระธิดาให้กับสุริยคราส พร้อมทั้งให้ครองเมืองกาสีต่อจากพระองค์

( ไม่แน่ใจ:พระธิดาสุจาติงสา ของพญาสุคะโต เมืองกาสีถูกงูพิษกัด)

จันทรคราสได้อยู่กับเศรษฐีต่อไป วันหนึ่งจันทรคราสทราบข่าวว่าลูกเจ้าของเรือที่จะเดินทางไปค้าขายกับเมืองอินตะปะถะ(เมืองอินทปัตนคร) เสียชีวิตเพราะถูกเสือกัดจึงได้นำเปลือกไม้ไปช่วยและฟื้นขึ้นมา เจ้าของเรือจึงยกเรือให้จันทรคราส และจันทรคราสก็ออกเดินทางไปยังเมืองอินตะปะถะ

เมืองอินตะปะถะนั้นพญาพรหมจักร(พระเจ้าพรหมจักรวรรดิ) เป็นผู้ครอง มีธิดาที่เพิ่งประสูติชื่อเตวธิสังกา (พระธิดาเทวธีสังคา) โหรได้ทำนายว่าเมื่อนางอายุถึง ๑๖ปี จะถูกเสือกัดตาย พญาพรหมจักรจึงสั่งให้ดูแลพระธิดาไม่ให้ออกจากเมือง จนกระทั่งนางอายุ ๑๖  ปี ได้เห็นเขี้ยวเสือจึงหยิบมาเล่น แล้วถูกเขี้ยวเสือทิ่มที่เท้าเกิดอักเสบจนเสียชีวิต พญาพรหมจักรประกาศให้รางวัลผู้ที่ช่วยชีวิตธิดาของตน ขณะนั้นจันทรคราสมาถึงเมืองอินตะปะถะ ทราบข่าวจึงอาสาเข้าช่วยเหลือนางด้วยเปลือกไม้จนกระทั่งฟื้น ครั้นนางเห็นจันทรคราสก็เกิดความรักขึ้น พญาพรหมจักรจึงได้จัดพิธีอภิเษกสมรสและแต่งตั้งให้จันทรคราสเป็นอุปราช

(จันทรคราสช่วยแก้ไขให้ เตวธิสังกา ธิดาของพญาพรหมจักรแห่งเมืองอินตะปะถะ ฟื้นคืนชีพ จากการที่ถูกเขี้ยวเสื้อทิ่มอักเสบ บางแห่งกล่าวไว้ว่า  นางเตวธิสังกา หรือ นางเทวธิสังกาถูกมีดเล็กด้ามเขี้ยวเสือ เกิดบาดแผลเล็กน้อยแต่อาการกำเริบขึ้นเสวยทุกขเวทนา 3 ปี ก็เสียชีวิต ที่มา:cm77.com)

เมื่อพญาพรหมจักรสวรรคต ขุนนางจึงเชิญให้จันทรคราสปกครองเมืองอินตะปะถะสืบต่อมา

หนึ่งปีผ่านไปจันทรคราส คิดถึงสุริยคราสผู้เป็นพี่ชาย จึงให้ขุนนางเตรียมเรือและออกเดินทางไปเมืองกาสีพร้อมนางเตวธิสังกา

ระหว่างการเดินทางเกิดพายุ เรือสำเภาเกิดล่มกลางทะเล ทำให้จันทรคราสและนางเตวธิสังกาพลัดพรากจากกัน

(เรือสำเภาที่จันทรคราสและนางเตวธิสังกาโดยสารล่มกลางทะเล)

หลังจากพลัดพรากจากจันทรคราสแล้ว นางเตวธิสังการ้องไห้คร่ำครวญเดินไปพบบ้านหลังหนึ่งในเมืองอนุปะมะ (เมืองอนุกรม) ยายปริสุทธิ (ยายปาริสุทธี)เจ้าของบ้านจึงให้นางอาศัยอยู่ด้วย ข่าวทราบถึงเจ้าผู้ครองนครคือ พญาสุตัสสะนะจักร(สุทัสสนจักร) เพราะความงามของนาง พระองค์จึงให้ขุนนางไปขอมาเป็นมเหสี ยายปริสุทธิทราบข่าวจึงปฏิเสธและนำนางเตวธิสังกาไปบวชชี ณ สำนักแม่ชีในเมืองอนุปะมะ

พญาสุตัสสะนะจักรเมื่อผิดหวังจากนางเตวธิสังกา ได้ให้ขุนนางไปขอพระธิดาของพญาธัมมะขัติผู้ครองเมืองอนุราธะ ชื่อนางพรหมจารี พญาธัมมะขัติจึงยกพระธิดาให้ เมื่ออยู่กินกันมาไม่นานได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันบ่อย ๆเพราะพญาสุตัสสะนะจักร เป็นผู้ที่มักมากในกามคุณ หวังจะได้นางเตวธิสังกา มาเป็นอนุภรรยาอีกคน ด้วยความโกรธพญาสุตัสสะนะจักรสั่งให้ขุนนาง นำนางพรหมจารีใส่แพปล่อยลอยน้ำไป

จันทรคราส เมื่อขึ้นฝั่งแล้วก็เดินทางเข้าไปในป่า เห็นครุฑกำลังคาบงูอยู่ (บางตำราว่า พญาครุฑ กับ นาค) ครุฑเห็นคนเดินมาจึงปล่อยงูตกลงมา จันทรคราส จึงรีบเคี้ยวเปลือกไม้ใส่ลงไปในปากงู พองูฟื้นเลื้อยหายเข้าไปในป่า แล้วแปลงกายเป็นเด็กน้อย จันทรคราสเดินเข้าไปหาเด็กน้อย เด็กได้บอกว่าเขาคืองูตัวที่ท่านได้ช่วยชีวิตเอาไว้ และขอตอบแทนบุญคุณท่านโดยหากมีความต้องการสิ่งใดจะนำมาให้ จันทรคราส บอกว่าไม่มีความประสงค์ สิ่งใด แต่อยากจะพบภรรยาซึ่งพลัดพรากจากกันเมื่อตอนสำเภาแตก เด็กน้อยจึงมอบแก้ววิเศษให้แก่ จันทรคราส จันทรคราสอมลูกแก้วปรากฏว่าสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นดิน รวมทั้งบิดามารดาที่เมืองจำปา พี่ชายที่เมืองกาสีและนางเตวธิสังกำลังบวชเป็นชีที่เมืองอนุปะมะ จากนั้นเด็กน้อยได้หายตัวไป

(จันทรคราสเห็นครุฑจับงูบินผ่านมา จึงทำให้ครุฑตกใจ ปล่อยงูตกลงมาตาย  จันทรคราสเคี้ยวเปลือกไม้ช่วยชีวิตงู งูกลายเป็นด็กน้อย มอบแก้ววิเศษแก่จันทรคราส)

(::มีคนบอกว่า เป็นครุฑแปลกแตกต่างจากครุฑในจิตรกรรมแบบไทยๆ::)

จันทรคราสเดินทางต่อไปพบกับพญาทอน (บางตำราว่า วิทยาธร) นอนจมกองเลือดเนื่องจากถูกทำร้าย แต่เขาไม่สามารถช่วยพญาทอนได้ เพราะเปลือกไม้ที่นำติดตัวมาหมดแล้ว พญาทอนขอให้ช่วยจัดการเผาศพหลังจากที่ตายและมอบดาบวิเศษให้ป้องกันตัว เวลาหิวให้เอาปลายดาบแช่น้ำผึ้งกินแทนข้าวได้ พร้อมกับร้องเท้าวิเศษอีกคู่หนึ่ง เวลาสวมใส่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เมื่อสั่งลาเสร็จ พญาทอนก็สิ้นลมหายใจ หลังจากจัดศพให้เป็นที่เรียบร้อย จึงสวมรองเท้าวิเศษและสะพายดาบวิเศษเหาะไปยัง เมืองสังกัสสะนคร

 

(รูปกลางบน:พญาทอนที่ถูกทำร้ายสั่งเสียจันทรคราสก่อนตายพร้อมมอบรองเท้าวิเศษและดาบวิเศษ  รูปกลางล่าง:จันทรคราสเผาศพพญาทอนตามคำร้องขอ รูปขวา:จันทรคราสเหาะด้วยรองเท้าวิเศษ)

จันทรคราสเข้าไปพักผ่อนอยู่ในถ้ำ ขณะนั้นมีกระแสน้ำพัดเอาหญิงสาวสามคนลอยมาติดอยู่ที่หน้าถ้ำ

(จันทรคราสพักในถ้ำ พบลูกสาวเศรษฐีสามคนลอยมาติดหน้าถ้ำ)

ภายหลังทราบว่าเป็นลูกสาวของเศรษฐีเมืองสังกัสสะนคร ชื่อปทุมมา ทิพย์โสดา และสุกัญทา (ประทุมบุปผา ทิพยโสตเทวี และสุคนธเกศี) ฝ่ายเศรษฐีทราบข่าวว่าลูกสาวหายได้ระดมคนค้นหาแต่ไม่พบ จึงไปหาโหรให้ทำนาย และโหรบอกว่านางทั้งสามคนได้หลงทางไปไกล อีกประมาณหนึ่งเดือนจะมีชายหนุ่มนำมาส่งถึงบ้าน

ต่อมาจันทรคราสได้พานางทั้งสามเดินทางเข้าป่า เพื่อที่จะพานางไปส่งถึงบ้านจนถึงเขตเมืองสังกัสสะนคร ผ่านโจรป่า ผ่านยักษ์ จนมาพบพรานป่า กำลังออกล่าสัตว์จึงได้สอบถามเกี่ยวกับเส้นทางที่จะไปบ้านของสามสาว

 

(ทางขวา: จันทรคราสสอบถามทางกับพรานป่า เพื่อนำลูกสาวเศรษฐี ปทุมมา ทิพย์โสดา และสุกัญทา ไปส่ง ทางซ้าย:จันทรคราสพานางทั้งสาม มาถึงบ้านศรษฐี)

ทั้งสี่คนเดินทางต่ออีกประมาณ 7 วัน จึงถึงบ้านของเศรษฐี สองเศรษฐีสามีภรรยาดีใจมากที่เห็นลูกสาวอีกครั้ง จึงได้ยกลูกสาวทั้งสามให้เป็นเมียของจันทรคราส

จันทรคราสคิดถึงนางเตวธิสังกา จึงสวมรองเท้าและอมลูกแก้ววิเศษ สะพายดาบเหาะไปถึงแม่น้ำจิระวดี ได้พักอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ เห็นผู้หญิงนั่งอยู่บนแพและร้องไห้ จันทรคราสลงไปดึงแพเข้าฝั่งและถามได้ความว่า ชื่อนางพรหมจารีถูกพญาสุตัสสะนะ (สุทัสสนจักร,สทัศนจักร)พระสวามีเอาใส่แพลอยน้ำ นางได้ขอให้พาไปส่งพ่อแม่ที่เมืองอนุธาระ(เมืองอนุราช) ด้วยความสงสาร จันทรคราสชวนให้นางพักค้างคืนที่นั่นก่อน เมื่อนางหลับสนิทจึงอุ้มเหาะไปยังเมืองอนุธาระ ขณะที่เหาะไปนั้นนางได้ฝันไปว่ามีเทพบุตรเอาแก้วให้อม สามารถมองเห็น เมืองอนุธาระ

นางสุละโยธา (นางสุริยโยธา) แห่งเมืองปัญจา เป็นแม่เลี้ยงนางพรหมจารี ได้ฟังเรื่องต่าง ๆ นางโกรธแค้นมากที่ทำให้นางพรหมจารีต้องตกระกำลำบาก จันทรคราสได้เรียนวิชาอาคมจากนางสุละโยธา เมื่อส่งนางพรหมจารีถึงวังของพญาธัมมะขัติ(พญาธรรมขันตี)ผู้เป็นบิดาแล้ว พญากาวินตะ (พญากาวิน)ผู้ครองเมืองไกยะราชได้ส่งสาสน์และเครื่องราชบรรณาการมาสู่ขอนางจากพญาธัมมะขัติ แต่นางพรหมจารีปฏิเสธ เพราะยังเป็นหนี้บุญคุณจันทรคราสที่เคยช่วยชีวิต ในที่สุดพญาธัมมะขัติจึงได้ยกนางให้จันทรคราส

ต่อมาขุนนางได้มาอัญเชิญนางพรหมจารีไปเป็นมเหสีของพญากาวินตะ แต่นางปฏิเสธเช่นเคยและได้บอกแก่ขุนนางไปว่า แม้พญากาวินตะจะตักน้ำมาล้างเท้าให้ทุกวันหรือเอาไปบูชาดุจพระเจ้า นางก็ไม่ยอมทั้งสิ้นพวกขุนนางจึงนำความไปกราบทูล พญากาวินตะโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง จึงยกทัพไปถึงเมืองอนุธาระ นางพรหมจารีไม่หวั่นวิตก ได้เตรียมทัพซึ่งเป็นผู้หญิงล้วน ๆ ต่อสู้กับพญากาวินตะโดยใช้อาคมต่อสู้

 

(ด้านซ้าย กองทัพสตรีล้วนของนางพรหมจารี ต่อสู้กับกองทัพพญากาวินตะ โดยนางพรหมจารีควงดาบสองมือเหยียบหัวช้างเข้าสู้ต่อกรกับพญากาวินตะบนหลังช้าง เป็นภาพที่ผมประทับใจมาก )

พญากาวินตะกระโดดขึ้นนั่งคอช้างคู่บารมีสู้รบกันบนหลังช้าง ในที่สุดต่างฝ่ายต่างหมดแรง ต่อมาพญากาวินตะถูกขุนนางจับตัวไว้ได้และ ทรมานด้วยเหล็กเผาไฟแดงฉานทาบฝ่าพระบาทจนสุกไหม้จึงยอมแพ้ (บางตำราว่า พญากวินตะใช้เวทย์มนต์ซ่อนกองทัพมาจับนางพรหมจารีแต่ถูกจับได้  โดนมัดเหมือนผูกปู)

จันทรคราสคิดถึงนางเตวธิสังกาและขออนุญาตนางพรหมจารีกับพญาธัมมะขัติไปตามหา นางเตวธิสังกา ได้ไปอาศัยกับยายปริสุทธิก่อน วันหนึ่งนางเตวธิสังกาได้ออกจากสำนักมาเยี่ยมยายปริสุทธิ พอทราบเรื่องราวที่ยายเล่าให้ฟัง จึงเชื่อว่าชายคนนั้นคือจันทรคราสพระสวามีของตนเองแน่ ๆ จึงขอลาสิกขากับอาจารย์ด้วย ความรักอันดูดดื่มในอดีต นางถึงกับวิ่งเข้าไปสวมกอดร้องไห้ละล่ำละลัก ยายปริสุทธิจึงผูกข้อมือให้ทั้งสองคน

พญาสุตัสสะนะจักรรู้ข่าวการลาสิกขาของนางเตวธิสังกา พระองค์ทรงพิโรธเพราะเคยสัญญากับยายปริสุทธิแล้วหากนางลาสิกขาเมื่อใดให้บอกทันที จะมาสู่ขอเป็นมเหสี ยายปริสุทธิผิดสัญญาจึงถูกปรับเป็นช้างร้อยเชือก วัวร้อยตัว ม้าร้อยตัว เงินและทองคำอีกต่างหาก จันทรคราสจึงเนรมิตช้าง ม้า วัว เงินทองจนครบจำนวนแล้วสั่งให้เสนาอมาตย์มารับเอาไป ขณะที่เสนาอมาตย์กำลังเปิดคอกสัตว์นั้น สัตว์เหล่านั้นได้บินหนีไปหมด คงเหลือเฉพาะเงินกับทองเท่านั้น

(เมื่อเสนาอมาตย์ของ พญาสุตัสสะนะจักร เปิดกรง เหล่าช้างร้อยตัว วัวร้อยตัว ม้าห้าร้อยตัว ที่จันทรคราสเนรมิตมา ก็บินไปสิ้น ::สุดยอดจินตนาการเลยครับ ยูนิคอนก็ยูนิคอนเถอะ เจอช้าง กับวัวบินก็จ๋อยเลย::)

พญาสุตัสสะนะจักร รู้ข่าวว่าพญาพันธุ (พระยาพุทธโคษา) เจ้าเมืองกันทะรัฐ (เมืองคันธาระ) มีธิดาสวยชื่อ นางอุตตะมะธานี(อุตมธานี) จึงให้ขุนนางไปสู่ขอเป็นมเหสี ขณะนั้นกองทัพของนางพรหมจารีบุกมาถึงเมืองอนุปะมะ (เมืองอนุกรม) พอดี

(กองทัพนางพรหมจารีเดินทางไปทำสงครามกับพญาสุตัสสะนะจักร แห่งเมืองอนุปะมะ)

นางได้ส่งสาสน์ท้าให้พญาสุตัสสะนะจักรมาทำสงคราม เมื่อกองทัพบุกประชิดเมืองนางจึงสั่งให้ยิงปืนถล่มกำแพงเมืองจนพังทลาย กระสุนปืนถูกวังของพญาสุตัสสะนะจักร ทหารจับตัวพญาสุตัสสะนะจักรได้แล้วนำไปประหารชีวิต

เมื่อเสร็จสิ้นศึกสงครามนางพรหมจารีได้ยกเมืองให้จันทรคราสกับ นางเตวธิสังกาปกครองต่อไป

ฝ่ายขุนนางทั้งหลายที่ไปสู่ขอนางอุตตะมะธานี รู้ข่าวพญาสุตัสสะนะจักรถูกประหารชีวิต จึงยกนางอุตตะมะธานี (นางอุดมธานี) ให้เป็นมเหสีของจันทรคราสอีกคนหนึ่ง ต่อมานางได้ตั้งครรภ์จันทรคราสดีใจมากที่จะได้ทายาทไว้สืบสกุล จึงได้มอบหมายให้นางเตวธิสังกาและขุนนางคอยปฏิบัติรับใช้เอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อมาเมืองกันทะรัฐได้เกิดศึกสงคราม จันทรคราสจึงอาสาไปช่วยรบและได้มอบให้ขุนนางช่วยดูแลเมืองอนุปะมะแทน

หลังจากเสร็จสิ้นสงครามซึ่งใช้เวลาถึง ๓ ปี จันทรคราสก็กลับถึงเมืองอนุปะมะทราบว่า นางอุตตะมะธานีคลอดบุตรเป็นชาย จันทรคราสปลื้มใจมาก และให้โหรทำนายลักษณะพร้อมทั้งตั้งชื่อให้ว่า“ทุกขัติยะวงศา” เมื่อเจ้าชายเจริญวัย จันทรคราสได้มอบเมืองอนุปะมะให้แก่เจ้าชายและนางอุตตะมะธานี ปกครองต่อไปส่วนจันทรคราสกับนางเตวธิสังกา กลับไปครองเมืองอินตะปะถะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นางเตวธิสังกาด้วยความสุข.

ที่มา:ส่วนหนึ่งจาก หนังสืออ่านประกอบ สื่อสารภาษา ท่าวังผาน่าอยู่ คู่เมืองน่าน  จิตรกรรมสูงค่าฝาผนังวัดหนองบัว เรื่อง….จันทรคราสชาดก
โดย : นัทธมน คำครุฑ

คอมแบตต้า วี แด่ฮีโร่และความทรงจำครั้งวัยเยาว์ (2)

** เรื่องนี้เคยเขียนใส่ blog เมื่อนานมาแล้ว แล้วล่มไป อันนี้เป็นเขียนเพิ่มเติมจากต้นฉบับที่ กู้จาก mysql 2005-09-25 และจากความทรงจำ และหาข้อมูลเพิ่มเติม **

จากตอนที่ แล้ว คอมแบตต้า วี แด่ฮีโร่และความทรงจำครั้งวัยเยาว์ (1)  มาตอนนี้ มาฟังเพลงกันดีกว่าครับ

มีเพลง 2 ช่วง

ช่วงแรกเป็นเพลง Opening Theme หรือ เปิดตัว ชื่อเพลง Combattler V’s Theme (コン・バトラーVのテーマ Kon Batoraa Bui no Teema?) ร้องโดย คุณ Mizuki, Ichiro เพลงช่วงแรกเร้าใจมาก ทำให้ผมจำติดหูได้จนทุกวันนี้ มาฟังเพลง Combattler V opening ช่วงแรก กันดีกว่านะครับ

หากต้องการดูมิวสิกวีดีโอ สองช่วง ก็ให้ไปดูคอมแบตต้า วี แด่ฮีโร่และความทรงจำครั้งวัยเยาว์ (1)

หากอยากร้องตามจะมีเนื้อเพลงดังนี้

V! V! V! Victory

KOMBAIN 1 2 3    4 5 Shutsugekida

Daichi o yurugasu Choudenji ROBO

Seigi no senshi da KOMBATORA V

Choudenji yoyo  Choudenji tatsumaki  Choudenji SUPIN

Mitaka denji no hissatsu no wasa Ikari o komete arashiyobuze

Warera no warera no KOMBATORA  V

GO! GO! Go totsugeki

KOMBAIN 1 2 3  4 5 tatakaida

Oo sora ga keruzo choudenji ROBO

Heiwa no mamoride KOMBATORA V

Choudenji yoyo Choudenji tatsumaki Choudenji SUPIN

Yatsutazo kimete no FANISSHU PANCHI

Inori o komete ashita ni mukau

Warera no warera no KOMBATORA V

V! V! V!

FAITO! FAITO! FAITO! Kechirase

KOMBAIN 1 2 3

4 5 totsushinda

Aranamiketateru choudenji ROBO

Sabou no hoshidazo KOMBATORA V

Choudenji yoyo Choudenji tatsumaki Choudenji SUPIN Dasuzo makeruka chikyuu no tame ni

negai o komete denji ha hikaru

Warera no warera no KOMBATORA V

V! V! V! V! V! V!

มีเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอิตาลีด้วยครับ แต่ไม่พิมพ์ไว้ แปลกนะที่คอมแบตต้า วี ไปดังที่อิตาลี

เพลงช่วงที่ 2 เป็นเพลงปิด หรือ Ending Theme ชื่อ Go! Combattler V (行け! コン・バトラーV Yuke! Kon Batoraa Bui?) ร้องโดยคุณ  Ichiro Mizuki และthe Colombia Yurikago-kai

 

ขอขอบคุณ คุณโทโมฮารุ ซาโตะ ที่ช่วยแปลภาษาญี่ปุ่นเป็นไทยในช่วงแรก (น่าเสียดาย ท่านย้ายไปเป็น director ที่สาขาจีน ไม่งั้น ขอให้ช่วยแปลอะไรอีก) เพราะตอนนั้น อากู๋ ทรานสเลเตอร์ยังโง่อยู่

และขอขอบคุณ น้องๆ ที่ชอบคอมแบตต้า วี แล้วคัดลอกข้อมูลไปใช้ ทำให้อย่างน้อยสะดวก เวลากู้ข้อมูลกลับ ก็ไปคัดลอกกลับมาได้ เพิ่มเติมข้อมูล และแก้ไขในส่วนที่ผิด ได้

คอมแบตต้า วี แด่ฮีโร่และความทรงจำครั้งวัยเยาว์ (1)

** เรื่องนี้เคยเขียนใส่ blog เมื่อนานมาแล้ว แล้วล่มไป อันนี้เป็นเขียนเพิ่มเติมจากต้นฉบับที่ กู้จากข้อมูล mysql 2005-09-25  และจากความทรงจำ และหาข้อมูลเพิ่มเติม

ตอนเด็กๆ ที่บ้าน วันไหนไม่ไปไหนก็นั่งดูทีวีตั้งแต่เช้า ทีวีที่บ้านเป็นทีวีขาวดำ รับได้แค่บางช่องเท่านั้น การนั่งดูการ์ตูนทีวี ย่อมมีความสุข

 พอๆกับการนั่งอ่านการ์ตูนโดเรม่อน ในโลกทีวีขาวดำ ฮีโร่ก็สีเทาๆ บ้าง บางวันสบโอกาสได้ดูการ์ตูนทีวี 

ยังจำได้ดี เรื่องแรกที่จำได้ คือหุ่นยนต์คอมแบตต้า วี หรือ คอมแบตตา วี เป็นหุ่นยนต์ที่ใช้ยานหลายลำต่อตัวกันเป็นหุ่นยนต์ 

คอมแบตต้าวี มีเสาอากาศเขา หน้าอกเป็นรูปตัว V ชอบปล่อยแสง และควงสว่าน แล้วทีเด็ดก็ใช้ลูกข่างยักษ์ ใช้ต่อสู้กับเหล่าร้าย 

พระเอกใส่หมวกกันน็อครูปตัววี (หมวกกันน็อคตอนเด็กๆ ไม่เคยเห็น เพิ่งเห็นครั้งแรกในการ์ตูนนี้ ผมเรียกไม่ถูก ก็เลยเรียกว่าที่ครอบหัว

บางครั้งเราอยากเป็นพระเอกก็รอตอน ย่าปอกส้มโอ เอาเปลือกมาครอบหัว ) พระเอกชอบขี่มอเตอร์ไซด์

เพลงประกอบที่เร้าใจในตอนเริ่มเป็นเพลงญี่ปุ่น ร้องว่า วี วี วี วีอะทอรี่ คอมไบ วัน ทู ทรี แล้วก็อะไรไม่รู้

 เวลาร้องตอนนี้ก็ดำน้ำร้องเอา และเสียงพากย์ ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางตอนก็พากย์เสียงไทย บางทีก็เสียงญี่ปุ่น วัดดวงเอา

 ดูอยู่หลายปี ต่อมาทีบ้านมีทีวี สี จึงได้รับรู้ว่า ฮีโร่เราก็มีสีเหมือนกัน อิ อิ อิ  แล้วมีหนังใหม่เข้ามา หนังเรื่องนี้ก็เลิกไป จนผมหลงลืมไปตามกาลเวลา

ผ่านมาหลายสิบปี วันหนึ่งผมได้ยินคนคุยกันเรื่องหุ่นยนต์ ในการ์ตูน ทำให้นึกได้ แต่ผมจำชื่อได้อย่างเดียวว่า คอมแบตต้า

 ก็ลองหาดุในอินเตอร์เน็ต ปรากฎว่า หุ่นยนต์คอมแบตต้า ในเวปไทยๆ หายากมาก มีข้อมูลน้อยมากๆเลย

 ผมก็เริ่มแกะหาไปเรื่อยๆ ท่องทั้งเวปญี่ปุ่น (ทั้งๆ ที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ขอขอบคุณคุณ โทโมฮารุ ซาโตะด้วย 

ที่ช่วยให้อธิบายข้อมูลภาษาญี่ปุ่นเป็นไทยให้) และพบว่า คอมแบตต้า วี นี่ก็ยอดนิยมใน อิตาลี มากๆ ผมได้รวบรวมข้อมูลไว้ 

พอผมหัดเขียน blog สิ่งแรกที่ผมจะเขียนคือเรื่องนี้ ฮีโร่ หุ่นยนต์ ในดวงใจของผม 

จากการค้นคว้าหาข้อมูล และรวบรวม ซึ่งอาจผิดได้บ้างก็สรุปเป็นเรื่องที่โม้ดังนี้

คอมแบตต้า วี หรือชื่อจริงๆ คือ คอมแบตเตอร์เลอร์ วี – 

Chōdenji Robo Combattler V (超電磁ロボ コン・バトラーV Chōdenji Robo Konbatorā Bui) 

ชื่อฝรั่งว่า Super Electromagnetic Robo Combattler V หรือ Ultra Electromagnetic Robot Combattler V 

และภาษาอาหรับว่า البطل خماسي , خماسي (แสดงว่าดังไกลไปอาหรับ ซาอุ อะไรพวกนี้)

คอมแบตต้าวี สร้างเมื่อปี 1976 (2519) ใครเกิดมั่งยัง เป็นภาพยนตร์การ์ตูน สี ?? แต่ที่บ้านตอนนั้นเป็นทีวีขาวดำ เลยไม่รู้ว่ามีสีหรือไม่  

ร่วมสร้างโดยบริษัท โตเอะ – Toei , นิปปอนซันไรน์ – Nippon Sunrise และ Hiromi Production

อำนวยการสร้างโดย Tadao Nagahama 

โดยออกอากาศทาง ทีวีอาซาฮี ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ 1976-1977 ความยาว 54 ตอน (โอ้เยอะจัง แต่คงดูไม่ได้ครบหรอก) 

ตอนที่ 1 ถึง 47 ฉายทางเคเบิล และตอนที่ 48 ถึง 54 ฉายทางสถานี อาซาฮี (Asahi) ญี่ปุ่น 

โดยฉาย 17 เมษายน 1976 (พ.ศ. 2519) ถึง 28 พฤษภาคม 1977 (พ.ศ. 2520) 

ทุกวันเสาร์ เวลา 6 โมงเย็น ครึ่งชม. (ก็คล้ายๆ กับบ้านเราแต่ก่อน) 

มีไปฉายภาคภาษาอารบิค (อาหรับ) 28 ตอน ปี 1987-1988 (พ.ศ. 2530-2531) โอ้วฉายช้าจัง 

มีภาคภาษาอิตาลีด้วย โดยออกอากาศเมื่อ 17 พฤษภาคม 1980 (พ.ศ. 2523) ซึ่งใกล้เคียงกับบ้านเรา

ส่วนเนื้อเรื่องหรือครับ มีสอง ช่วง เอาคร่าวๆ แล้วกัน
ช่วงแรก สัตว์ประหลาดต่างดาวบุกโลก นำโดยแม่ทัพ การูด้า (General Garuda) มาจากดาว Kyanbelu ครับ

เลยมีคนสร้างฐาน สร้างหุ่นคอมแบตต้า V สูง 57 เมตร หนัก 550 ตัน

combattlerV stand

นั่นคือ

ดอกเตอร์ทาเคชิ นานบาระ – Dr. Takeshi Nanbara – Dr.Takeshi Namwon(南原猛)

เป็นปู่ของ ซิซูรุ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บจากต่อสู้ในตอนสอง  ในตอน 3 ก็เสียชีวิตลง หลังจากมอบอำนาจให้ศาสตราจารย์โยซึญ่า มาเป็นแทน

และหุ่นยนต์ผู้ช่วยโรเพตโตะ – Ropetto (ロペット)
เป็นหุ่นยนต์ตัวสีแดง มือทั้งสองเป็นคีม คอยตรวจคลื่นสมองเพื่อดูสภาพจิตใจของคนทีมทั้งห้าที่ขับยานเตรียมการรวมร่าง เมื่อพร้อมแล้วก็จะอนุญาตให้หุ่นรวมร่าง โดยส่งเสียงร้องว่า “Combine  okay”

และศาสตราจารย์ โยซึญ่า ฮากาเสะ
เป็นเพื่อนของ ดอกเตอร์ทาเคชิ นานบาระ เป็นคนชอบดื่มและชอบอยู่เงียบๆ   หลังจาก ดอกเตอร์ทาเคชิ นานบาระ เสียชีวิตแต่ก็รับสืบทอดหน้าที่ต่อได้ดี

เข้าต่อสู้ปกป้องโลกโดยมีผู้ควบคุมคอมแบตต้าวี ดังนี้
1. เฮียวมะ อาโออิ – Hyoma aoi  – 葵豹馬 – あおいひょうま เป็นพระเอก(เพราะหล่อสุดเด่นสุด) นิสัยเลือดร้อน  ใส่ชุดสีแดง โตจากบ้านเด็กกำพร้า และอยู่ในแก๊งนักบิด ตอนท้ายๆ ถูกนายพลการูด้า ทำลายแขน จึงต้องใส่แขนไซบอร์ค ทดแทน

เฮียวมะ อาโออิ ขับยานส่วนหัว BattleJet

Battle Jet
2. นานิว่า จูโซะ – Naniwa Juzu – 浪花十三(なにわじゅうぞう)เนื่องจากหน้าตาหล่อน้อยเลยกายเป็นพระรอง เกิด 1 เมษายน 1958 (พ.ศ. 2501) เป็นคนเยือกเย็น จึงมีชุดสีฟ้า  เป็นนักแม่นปืนระดับแชมป์โอลิมปิก  8 ปี

นานิว่า จูโซะ ขับยานส่วนแขน ชื่อ BattleCrusher  เวลายานนี้จะต่อกับส่วนอื่นเป็นหุ่นจะกลับด้านติดตั้ง
Battle Crusher
3. ไดซากุ นิชิกาว่า Daisaku Nishikawa – 西川大作(にしかわ だいさく) คล้ายรถถัง เป็นนักยูโดร่างใหญ่ ชอบวาดการ์ตูนฝันจะเป็นนักวาดการ์ตูน  เป็นคนอ่อนโยน จิตใจดี ใส่ชุดเหลือง

ไดซากุ นิชิกาว่า จะขับยานส่วนท้อง BattleTank ยานส่วนนี้คล้ายรถถัง

Battle Tank
4. ชิซูรุ นันบาระ  หรือ นามวอน ชิซูรุ Namwon Chizuru (南原ちずる) สาวน้อยน่ารักคนนี้ เธอเป็นหลานสาว ดอกเตอร์ นานบาระและเป็นนางเอกของเรื่องด้วย แต่งชุดสีชมพู
ชิซูรุ นันบาระ ขับยานส่วนขา BattleMarine
5.โคสุเกะ คิตะ  Kosuke Kita – 北小介(きたこすけ) เป็นเด็กอัจริยะ สมองฉลาดปราดเปรื่อง IQ200 และตามประสาเด็กเรียนก็มักจะใส่แว่นตาโต อีกทั้งเป็นนักประดิษฐ์ด้วย สวมชุดเขียว

โดย โคสุเกะ คิตะ ขับยานส่วนเท้า BattleCraft
Battle Craft
เมื่อเข้าต่อกรเหล่าสัตว์ประหลาด ยานต่างๆ จะแยกกันสู้ และแน่นอนตามฟอร์ม ก็ย่อมสู้ไม่ได้ ก็ต้องมารวมกันประกอบร่างกันเป็น คอมแบตต้า วี ซึ่งผมดูแล้ว เป็นต้นแบบให้ การ์ตูนรุ่นหลังๆ และเยาวชน เอาเป็นแบบอย่าง คือ สู้ไม่ได้ รวมกันรุม

Combattler

หลังจากรวมร่างแล้วจะได้เป็น หุ่นคอมแบตต้าวี
เมื่อเป็นหุ่นยนต์แล้ว คอมแบตต้าวี มีพิษสงร้ายกาจ มีอาวุธรอบตัวมากมาย ด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้คอมแบตต้า วี กำจัดเหล่าภัยพาลที่มาบุกโลกได้

– วีเลเซอร์ (V Laser) เป็นแสงเลเซอร์รูปตัววี ปล่อยออกมาจากหน้าผากของ คอมแบตต้าวี

vlaser
– ลำแสงแม่เหล็กไฟฟ้า (Ultra Electromagnetic Ray) คอมแบตต้า วี รับแสงจากเขาสองข้าง ส่งไปยังมือ ยิงแสงจากมือไปแล้ว ช๊อตๆๆๆ แหง็กๆ แต่ไม่ยักตายครับ

– ทุบครับ (Battle Punch) ขณะทุบคอมแบตต้าวี ก็ปล่อยไฟฟ้าออกมา สร้างความเสียหายหรือเรียกว่าทั้งทุบทั้งช็อตให้น่วมครับ

punch

– กงเล็บมหาภัย (Break Claw) เอาไว้จิก(ข่วน) สร้างความเสียหาย บาดเจ็บให้ศัตรู

claw

– ลูกเตะมหากาฬ (Battle Kick)

– กงล้อมหาภัยครับ (Battle Chainsaw) เป็นตีนตะขาบที่มีหนาม อยู่ด้านหลังของคอมแบบต้าวี เอาไว้โจมตีคู่ต่อสู้

rail

rail2

– หอกคู่ (Twin Lancer) สร้างโดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าครับ ใช้แทงศัตรู

lance

– ลูกข่างแม่เหล็กไฟฟ้า หรือตัว โยโย่ยักษ์ (Choudenji Yo-yo) โดยมี 2 อัน(จาก4แผ่นที่ติดตรงเอวกับศอก) เวลาปาไปใส่ตัวเป้าหมายจะมี ฟันแหลมออกมารอบด้านข้าง แล้วมันหมุนควง ใส่ อันนี้โดนไปก็ไม่ตายอีก

yoyoyoyo2.jpg

– เฮอริเคนแม่เหล็กไฟฟ้า (choudenji tatsumaki) หรือพายุไฟฟ้า โดย คอมแบตต้า วี ปล่อยจากมือไปแล้วให้หมุนไปยังสัตว์ประหลาด โดนแล้วก็ช๊อต เป็นท่าที่ทำให้หยุดนิ่ง

ueh ueh

แม่เหล็กไฟฟ้าทอร์นาโด (choudenji Spin) แถวบ้านเรียก ท่าควงสว่าน โดยคอมแบตต้า วีจะยกมือขึ่นเหนือหัวชิดกันแล้วจะรวมกันเป็นสว่านแล้วหมุนทั้งตัว ขึ้นไปบนอากาศแล้วพุ่งไปทะลุเป้าหมายครับ ท่านี้เป็นท่าไม้ตายครับ โดนทีไรตายทุกที เป็นท่าสุดท้ายครับ ไม่เคยพลาด(มักจะใช้คู่กับchoudenji tatsumaki)

ues

ในช่วงที่สองเป็นการต่อสู้กับจักรพรรดินี เจเนล่า (Empress Janera – 女帝ジャネラ) และโชกุน ดันจิรุ Dungeru – ダンゲル将軍  รวมทั้งประธานาธิบดี (ผมแปลมั่วๆนะ) วารุคิเมเดสุ – Warukimedesu -総統ワルキメデス ช่วงนี้ผมไม่ได้ดูครับ

จักรพรรดินี เจเนล่า เป็นตัวร้ายทีมสุดท้ายที่ขนพลพลพรรคมารบกัน ตอนท้ายสู้ไม่ได้ หลบหนีแต่โดนประธานาธิบดีวารุคิเมเดสุ ที่โดนลงโทษเป็นหุ่นยนต์มาดัก กามิกาเซ่ ตายทั้งคู่

โดยโชกุนดันจิรุ เป็น พี่น้องกับ วารุคิเมเดสุ หลังจากพาทึมงานไปตายเป็นจำนวนมาก จักรพรรดินี เจเนล่า ก็สังหารโชกุนดันจิรุ สังเวยความผิดพลาด

ส่วน ประธานาธิบดีวารุคิเมเดสุ นั้น เป็นที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์และยุทธศาสตร์ ของจักรพรรดินี เจเนล่า และพี่ชายโชกุนดันจิรุ เป็นคนสร้างและส่งสัตว์ประหลาดไปสู้กับคอมแบตต้าวี เรียกว่า เป็นนักปั้นและป๋าดัน ไปในตัว สุดท้ายสู้ไม่ได้ โดนจับไปเป็นหุ่นยนต์

ตอนหาข้อมูลครั้งแรกไปหลงหา หุ่นอีกตัวชื่อ Voltes V ซึ่งออกมาทีหลังคล้ายกับ Combattler V มาก (ฉายเมืองฝรั่ง มีเพลงประกอบเป็น อังกฤษ มีภาค The movie เยอะมาก ข้อมูลเลยเยอะ รุ่นนี้รุ่นญี่ปุ่นบุกโลก ฝรั่งติดงอมแงม ส่วนพี่ไทยไม่มาฉายมั้ง เพราะไม่เคยเห็น)

ตอนของ คอมแบตต้า วีรายชื่อตอนทั้ง 54 ตอนนี้ผมได้มาจากเวปอิตาลี แล้วก็แปลเป็นอังกฤษ แล้วแปลเป็นไทยอีกทีนึง ผิดพลาดยังไงขออภัยจริงๆภาคแรก มี 26 ตอน
Prima serie:
1. Gli eroi del Combattler The heroes of the Combattler /ฮีโร่ คอมแบตต้า
2. La vendetta di Malik The revenge of Malik / ความพยาบาทของมาลิก
3. I gemelli spaziali /The twin orbiter/ ดาวเทียมฝาแฝด
4. Un””arma divertente / A weapon blast / อานุภาพของอาวธ
5. Rischio scampa(n)to /Tang of Risk / สัญญาณแห่งมหันตภัย
6. L””invincibile Roy / The invincible Roy /รอย ผู้ไม่อาจเอาชนะได้
7. Il diabolico Frankstone / the unholy Frankstone / Franstone ผู้ชั่วร้าย
8. Attacco alla base / attack at the base/ ฐานถูกโจมตี
9. Il cucciolo del mostro /The pup of the monster / บุตรของอสูรกาย
10. Dingo s””innamora(to) / dingo’s turelove /รักแท้ของ Dingo
11. Fiducia riconquistata /trust win back /ศรัทธาแห่งชัยชนะหวนกลับมา
12. Il duello / The Duel / การดวลกัน
13. Campionessa di motociclismo / Champion of motocycle /แชมเปี้ยนแข่งมอเตอร์ไซด์
14. Distruggete la base! / Destroy the base / ทำลายฐาน
15. La piccola aliena / The little alien / มนุษย์ต่างดาวตัวจ้อย
16. Emergenza! / emergency / ภาวะเร่งด่วน
17. Il falso Combattler / The false Combattler / คอมแบตต้าที่ขัดข้อง
18. Questioni d””orgolio /Problem from pride / ปัญหาจากศักดิ์ศรี
19. Prigionieri! / Prisoner / นักโทษ
20. Il rapimento del professore / The abduction professor /ลักพาตัวศาสตราจารย์
21. Orfano dello spazio /Orphan of the space / เด็กกำพร้าจากอวกาศ
22. Battaglia marina / Battle Marine / การต่อสู้ทางทะเล
23. Amicizia tradita / betray friendship/ มิตรภาพที่ถูกทรยศ
24. Coraggio da leonessa / fortitude of lion / ความกล้าหาญของราชสีห์
25. La tragedia del generale / The tragedy of the general /เรื่องน่าเศร้าของแม่ทัพ
26. La caduta dell””impero / The fall of the empire / จักรวรรดิล่มสลาย
ภาคที่ 2 มี 28 ตอน Seconda serie:
27. Attacco su due fronti / Attack on two battlefront/การโจมตีที่สองแนวรบ
28. Lotta alla cieca / fight be ind / การต่อสู้ที่ตีบตัน
29. Piccoli eroi /Little hero (young hero) / วีรบุรุษอายุน้อย
30. Un prezioso alleato / a precious allied /พันธมิตรที่มีค่า
31. Ladri di energia /Robber energy / ขโมยพลังงาน
32. Il grande gelo/The big freezing cold / ความหนาวเหน็บครั้งใหญ่
33. Il gemello pasticcione/The twin jam / ความยุ่งยากทวีคูณ
34. Prigionieri di Janera /Prisoner of Janera / นักโทษของ เจนิร่า
35. Nessuna risposta della base! / No answer of the base / ไม่มีคำตอบจากฐาน
36. Regale di natale / regal of natal /กำเนิดของกษัตริย์
37. Una cascata di diamante / a cascade diamond / เพชรต่อผสาน
38. L””attacco delle rane meccaniche / The attack of the mechanical frogs /การโจมตีของกบจักรกล
39. Doppia minaccia / Double big stick /double lance / หอกคู่
40. La sostituzione / replacement / หน้าที่ทดแทน
41. Una citta”” in ostaggio / One city in hostage/ หนึ่งเมืองตัวประกัน
42. Un sicaria per Roy / A hired killer for Roy / นักฆ่ารับจ้างของรอย
43. Il ruggito del pericolo / The roar of the danger / เสียงคำรามแห่งภยันตราย
44. Operazione cyborg / Cyborg Operation / การปฎบัติการของหุ่นไซบอร์ค
45. La nuova arma di Warchimer / The new arm of Warchimer / แขนข้างใหม่ของ Warchimer
46. Il controllo dei cervelli / The control of the brains / การควบคุมของสมอง
47. Il pentimento di Dankel / The repentance of Dankel/สำนึกผิดของ Dankel
48. Il cobra a tre teste / The three cobra to witness / สามงูเห่าที่เป็นพยาน
49. Nemici d””infanzia /childhood of enemy/ ความไร้เดียงสาของศัตรู
50. Un segreto da conservare / A secret to conserve / ความลับที่เก็บงำไว้
51. I sosia assassini / a clone assassin / ร่างเหมือนมือสังหาร
52. La morte di Dankel / The dead of Dankel / การตายของ Dankel – ตอนญี่ปุ่นชื่อ การตายของพระอาทิตย์อัสดง Dangeru
53. Ultimo attacco alla Terra / Last attack to the Earth /การโจมตีครั้งสุดท้ายไปยังโลก
54. Il salvataggio della Terra / The rescue of the Earth /กอบกู้โลก

ขอขอบคุณ คุณโทโมฮารุ ซาโตะ ที่ช่วยแปลภาษาญี่ปุ่นเป็นไทยในช่วงแรก (น่าเสียดาย ท่านย้ายไปเป็น director ที่สาขาจีน ไม่งั้น ขอให้ช่วยแปลอะไรอีก) เพราะตอนนั้น อากู๋ ทรานสเลเตอร์ยังโง่อยู่

และขอขอบคุณ น้องๆ ที่ชอบคอมแบตต้า วี แล้วคัดลอกข้อมูลไปใช้ ทำให้อย่างน้อยสะดวก เวลากู้ข้อมูลกลับ ก็ไปคัดลอกกลับมาได้ เพิ่มเติมข้อมูล และแก้ไขในส่วนที่ผิด ได้

คอมแบตต้า วี แด่ฮีโร่และความทรงจำครั้งวัยเยาว์ (2)

ฉุนฉี่ ที่เขาใหญ่

กระทงลอย หรือ ฉุนฉี่ไปเขาใหญ่ มีอะไรแปลกๆให้ดู ที่ห้องน้ำ ทางเข้าน้ำตกเหวนรกมี ต้นไม้ชื่อ ต้นฉุนฉี่ ชื่อเต็มๆ ว่า กระทงลอย เกิดความสงสัยว่า ฉุนฉี่มีคุณ ลักษณะยังไง อะไรที่มีกลิ่นฉุน ใบ ต้น ดอก ผล

หลังจากไปขุดคุ้ยข้อมูลแล้ว พบว่า ต้นฉุนฉี่นี่มีหลายชื่อมาก ตามท้องที่ต่างๆ เช่น กร๊อม (ชุมพร), กระทงลอย (ตราด)

ซ้อม กาซ้อม สอม (ภาคใต้),ขี้มด เหมือดเซาะ (น่าน), คับ (เชียงใหม่), ปีกุย (มลายู-สตูล), กะอาม ใบเมี่ยงอาม

โดยมีชื่อชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crypteronia paniculata Blume

และมีชื่อวงศ์คือ CRYPTERONIACEAE

โดยมีลักษณะดังนี้ คือเป็นไม้ผลัดใบ ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 30 ม. นับว่าสูงมาก

เรือนยอดรูปกรวยคว่ำหรือทรงกระบอก เปลือกต้นสีน้ำตาลเทา แตกเป็นแนว

ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ช่อย่อยยาวประมาณ 10 ซม.ดอกเล็ก สีเขียวอ่อนถึงเหลืองอ่อน

เวลาออกดอก : ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ซึ่งมีกลิ่นเหมือนฉี่มากๆ

ทำให้โชคดีว่า ช่วงที่ไปคือเดือน พฤษภาคม มันไม่มีดอกจึงไม่เหม็น ไม่งั้นเถียงกันว่า ห้องน้ำไม่สะอาดแน่ๆ

เลยตั้งคำถามในใจว่า หากดอกไม่ส่งกลิ่นแล้ว หากจะฉุนฉี่ นี่จะมาจากห้องน้ำชายหรือหญิง

จากนั้นผมก็มองหาพยานหลักฐานและได้มาดังที่ถ่ายรูปนั่นแหละครับ ชัวร์

http://edd.burapha.net/?p=175  MAY-20-2008 BY SUPPAWOOT (กู้ระบบจากของเก่า)

ฉุนฉี่ ที่เขาใหญ่ (เรื่องเก่า กู้เอามาเล่าใหม่)

MAY-20-2008 BY SUPPAWOOT (กู้ระบบจากของเก่า)

ไปเขาใหญ่ มีอะไรแปลกๆให้ดู ที่ห้องน้ำ ทางเข้าน้ำตกเหวนรกมี ต้นไม้ชื่อ ต้นฉุนฉี่ ชื่อเต็มๆ ว่า กระทงลอย เกิดความสงสัยว่า ฉุนฉี่นี่ฉุนฉี่ใคร หรือเป็นยังไง

หลังจากไปขุดคุ้ยข้อมูลแล้ว พบว่า ต้นฉุนฉี่นี่มีหลายชื่อมาก ตามท้องที่ต่างๆ เช่น กร๊อม (ชุมพร), กระทงลอย (ตราด)

ซ้อม กาซ้อม สอม (ภาคใต้),ขี้มด เหมือดเซาะ (น่าน), คับ (เชียงใหม่), ปีกุย (มลายู-สตูล), กะอาม ใบเมี่ยงอาม

โดยมีชื่อชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crypteronia paniculata Blume

และมีชื่อวงศ์คือ CRYPTERONIACEAE

โดยมีลักษณะดังนี้ คือเป็นไม้ผลัดใบ ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 30 ม. นับว่าสูงมาก

เรือนยอดรูปกรวยคว่ำหรือทรงกระบอก เปลือกต้นสีน้ำตาลเทา แตกเป็นแนว

ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ช่อย่อยยาวประมาณ 10 ซม.ดอกเล็ก สีเขียวอ่อนถึงเหลืองอ่อน

เวลาออกดอก : ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ซึ่งมีกลิ่นเหมือนฉี่มากๆ

ทำให้โชคดีว่า ช่วงที่ไปคือเดือน พฤษภาคม มันไม่มีดอกจึงไม่เหม็น ไม่งั้นเถียงกันว่า ห้องน้ำไม่สะอาดแน่ๆ

เลยตั้งคำถามในใจว่า หากดอกไม่ส่งกลิ่นแล้ว หากจะฉุนฉี่ นี่จะมาจากห้องน้ำชายหรือหญิง

จากนั้นผมก็มองหาพยานหลักฐานและได้มาดังที่ถ่ายรูปนั่นแหละครับ ชัวร์